AirPods Pro 3 รุ่นล่าสุดของ Apple เป็นหูฟังที่ทำหน้าที่ได้เหนือความคาดหมายในทุกด้าน ด้วยการตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยม การเชื่อมต่อกับ iPhone ที่ราบรื่น และคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม แม้จะมีข้อเสียเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วถือเป็นการอัปเกรดที่น่าประทับใจมาก

สรุปโดยย่อ: AirPods Pro 3 คือการอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน แบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น การตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้น และการเพิ่ม เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ หากคุณกำลังมองหา AirPods ชุดใหม่ นี่คือตัวเลือกที่ตัดสินใจง่ายมาก แต่ถ้าคุณมี AirPods Pro 2 อยู่แล้ว อาจจะต้องพิจารณาหนักหน่อย แต่ก็ยังคุ้มค่า
ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจ
การใช้ AirPods Pro 3 ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เข้าสู่ พื้นที่ส่วนตัวแห่งความเงียบ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย เมื่อใส่หูฟังและเปิดเพลง เสียงสนทนาหรือเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง (ในกรณีของผู้รีวิวที่กำลังทำงานในรีสอร์ต) ก็หายไปแทบทั้งหมด
AirPods Pro 3 ไม่ได้มีนวัตกรรมที่ล้ำหน้ากว่าหูฟังไร้สายราคาถูกอื่น ๆ ในแง่ของฟีเจอร์หลัก (เช่น ANC, Transparency) แต่สิ่งที่ทำให้มันโดดเด่นคือการ ทำได้ดีเกินความคาดหวังในทุกองค์ประกอบ
การเชื่อมต่อและการควบคุมที่แสนง่ายดาย
กระบวนการเชื่อมต่อ AirPods Pro 3 กับ iPhone นั้นง่ายมาก เพียงแค่ เปิดเคส AirPods ไว้ข้าง ๆ iPhone เท่านั้น และอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID เดียวกันก็จะสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังนี้ได้ทันทีเช่นกัน นี่เป็นฟีเจอร์ที่น่าประทับใจที่มีมาตั้งแต่ AirPods รุ่นแรก
- การตั้งค่า: ไม่จำเป็นต้องมีแอปพลิเคชันแยกต่างหาก การตั้งค่าทั้งหมดถูกรวมอยู่ใน ระบบปฏิบัติการของ iPhone แต่มีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่การปรับอีควอไลเซอร์ (EQ) ถูกซ่อนอยู่ในเมนูตั้งค่าที่แยกจากส่วนบลูทูธ และที่น่าหงุดหงิดคือ ไม่มีโปรไฟล์ EQ แบบกำหนดเอง ให้เลือกปรับเองได้
คุณภาพเสียงและการตัดเสียงรบกวน
- คุณภาพเสียง: AirPods Pro 3 มี โปรไฟล์เสียงที่ราบเรียบและสมดุล ซึ่งไม่มีการเน้นความถี่ใดเป็นพิเศษ ผู้รีวิวชื่นชมว่าเสียงเริ่มต้นถือว่าดีมากอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีตัวเลือกการปรับแต่ง EQ แบบละเอียดก็ตาม
- ANC ที่เหลือเชื่อ: ฟังก์ชัน Active Noise Cancellation (ANC) ในรุ่นนี้ทำได้น่าทึ่งมาก เป้าหมายของ ANC คือการลดเสียงรบกวนภายนอกเพื่อช่วยให้คุณสามารถฟังเพลงหรือสื่อต่าง ๆ ด้วยระดับเสียงที่ต่ำลง ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพการได้ยินของคุณ Apple สามารถลดเสียงรอบข้างให้เหลือเพียงเสียงกระซิบ และจัดการกับเสียงที่เกิดขึ้นกะทันหัน (เช่น เสียงคนพูดหรือเสียงแตรรถ) ได้ดีกว่าหูฟัง ANC ทั่วไปมาก เมื่อคุณเปิดเพลงหรือสื่อ ทุกสิ่งรอบตัวจะเงียบหายไป
- โหมด Transparency: โหมดรับฟังเสียงภายนอกทำได้ดี แต่ถือว่า ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ AirPods Pro 2 เนื่องจากมีเสียง สิบิแลนซ์ (sibilance) หรือเสียงกระซิบความถี่สูงที่เบาบางแทรกเข้ามาเล็กน้อย คล้ายกับการพูดในห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ Apple อาจแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ในอนาคต
ฟีเจอร์ใหม่ด้านสุขภาพและการแปลภาษา
- ฟังก์ชันช่วยฟัง: สำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน AirPods มีฟีเจอร์ช่วยเหลือที่ถูกเพิ่มเข้ามา แม้ว่าผู้รีวิวจะไม่สามารถยืนยันประสิทธิภาพได้ 100% (เนื่องจาก Apple ระบุว่าผู้รีวิวมีปัญหาการได้ยินเพียงเล็กน้อย) แต่ในสถานการณ์ที่มีเสียงดังมาก ฟีเจอร์นี้ดูเหมือนจะช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ (Live Translation): ฟีเจอร์นี้ดูเหมือนจะ ทำงานได้ค่อนข้างดี แม้จะมีอาการหน่วงประมาณ 1-2 วินาทีระหว่างการพูดและการแปล ผู้รีวิวเชื่อว่าฟีเจอร์นี้จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการเดินทางในต่างประเทศที่พูดภาษาที่รองรับ
- การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ: AirPods Pro 3 มาพร้อมกับ เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายใหม่ที่สำคัญ
AirPods Pro 3 คุ้มค่าหรือไม่?
โดยรวมแล้ว AirPods Pro 3 เป็นการอัปเกรดที่โดดเด่นแม้เทียบกับ AirPods Pro 2 ที่ดีอยู่แล้ว สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ ประสิทธิภาพของการตัดเสียงรบกวน ที่ดีจนน่าตกใจ
เมื่อพิจารณาทั้งความง่ายในการใช้งาน ความสบายในการสวมใส่ตลอดวัน แบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม และการเชื่อมต่อที่ราบรื่นกับ iPhone ทั้งหมดนี้ทำให้ AirPods Pro 3 เป็นผลิตภัณฑ์ระดับ พรีเมียม ที่มีราคาสมเหตุสมผล และคุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างยิ่งครับ
คุณมีหูฟังไร้สายที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้วหรือไม่ครับ? ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณหรือเปล่า?

ใส่ความเห็น